วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

โคนัน


ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ
ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คุโด้ ชินอิจิ นักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปี ที่มีทักษะพิเศษในการไขคดีจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งวันหนึ่งได้ไปเดทกับโมริ รัน ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยเด็กที่สวนสนุก tropical land และได้ไขคดีการฆาตกรรมบนรถไฟเหาะ ระหว่างทางกลับชินอิจิได้ไปเห็นชายสวมชุดดำเจรจาแลกของต้องสงสัย จึงไปแอบดูการเจรจาดังกล่าว
แต่หารู้ไม่ว่ามีคนขององค์กรแอบอยู่ด้านหลังอยู่จึงถูกทำร้ายและถูกจับกินยา aptx4869 เพื่อสังหารคุโด้ (ยาพิษจะเร่งการตายของเซลล์อย่างเกินการควบคุมจนผู้ทานยาเสียชีวิต) โดยจะไม่มีร่อยรอยยาพิษหลงเหลือในศพของคุโด้
แต่ยากลับผิดพลาดเนื่องจากยังอยู่ในขั้นทดลองจึงไม่ทำให้คุโด้เสียชีวิต แต่กลับทำให้ร่างกายหดเล็กลงกลายเป็นเด็ก เพราะเซลล์เหลือจำนวนน้อยทำให้ร่างกายเล็กลง แต่ไม่ทำให้เสียชีวิต เพื่อจะสืบหาความจริงว่าคนพวกนั้นเป็นใคร และหายาแก้พิษเพื่อที่จะกลับคืนเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
เนื่องจากพ่อและแม่ของชินอิจิไปทำงานถาวรอยู่ต่างประเทศ ชินอิจิในร่างเด็กจึงไปปรึกษา ดร.อากาสะ นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่อาศัยอยู่ใกล้บ้านของชินอิจิ ดร.อากาสะเมื่อทราบเรื่องจึงแนะนำให้ชินอิจิสวมบทบาทเด็กประถม และหาชื่อใหม่ชั่วคราวไปก่อน ซึ่งชื่อนั้นก็คือ เอโดกาวะ โคนัน และฝากให้ โมริ โคโกโร่ พ่อของรันที่มีอาชีพนักสืบเอกชนเลี้ยง โดยที่ไม่บอกความจริงกับรันและโคโกโร่ว่าเด็กคนนี้คือชินอิจิ
เพื่อจะติดตามหาชายชุดดำ ชินอิจิ(โคนัน)ต้องหาทางช่วยโคโกโร่ ให้ไขคดีได้อย่างแม่นยำไม่ผิดพลาด เพื่อให้โคโกโร่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งจะทำให้มีผู้จ้างวานไปทำคดีมากขึ้น และจะทำให้มีโอกาสที่จะได้เบาะแสขององค์กรชุดดำมากขึ้นเช่นกัน
แต่เนื่องจากโคโกโร่ เมื่อเห็นโคนันเข้าไปใกล้จุดเกิดเหตุในแต่ละคดี ก็มักเล่นงานโคนัน และดุว่าเด็กๆ อย่ามายุ่งในที่เกิดเหตุ และไม่ค่อยยอมรับความคิดของโคนันเท่าไรนัก โคนันจึงต้องใช้อุปกรณ์ของ ดร.อากาสะ ช่วยในการไขคดี โดยใช้นาฬิกายาสลบ ทำให้โคโกโร่สลบไป และใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงรูปหูกระต่าย แปลงเสียงให้เหมือนโคโกโร่ชั่วคราว และพูดไขคดีแทนโคโกโรที่หลับอยู่ ทำให้โคโกโร่ได้รับฉายา โคโกโร่นิทรา โดยที่ตัวโคโกโร่เองก็ไม่ทราบถึงที่มาของฉายา
การสืบหาองค์กรชุดดำและยาแก้พิษที่มีเพียงองค์กรเท่านั้นที่สามารถผลิตยาได้ดำเนินต่อไป โดยที่โคนันเองก็ต้องปกปิดตัวตนของตนให้ได้มากที่สุด เพราะยิ่งมีคนรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขามากเท่าไร หากองค์กรไหวตัวทันขึ้นมาก็จะยิ่งมีคนเดือดร้อนมากเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

โดเรมอน


เรื่องน่าเศร้าของโดเรมอนและโนบิตะ
เรื่องที่คุณจะอ่านต่อไปนี้ เป็นตอนจบการ์ตูนยอดฮิต "โดเรมอน" ซึ่งดูเหมือนจะมีหลายเวอร์ชันด้วยกัน เวอร์ชันนี้ออกจะเศร้าสักหน่อย แต่ก็ให้คำตอบแก่คนที่สงสัยถึงตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้...
เรื่องราวการ์ตูนของหุ่นยนต์แมวอ้วนสีน้ำเงินนี้มีมานานกว่าสิบสิบปีแล้ว เขียนกันจนกระทั่งผู้เขียนได้เสียชีวิตจากไป กระนั้นเรื่องราวก็ยังไม่จบแบบสมบูรณ์ แต่ทว่าที่ญี่ปุ่นได้เผยถึงตอนจบที่ผู้เขียนได้เขียนเอาไว้ก่อนที่จะเสียชีวิตไว้คร่าวๆ ว่า .....
โนบิตะเป็นเด็กที่อ่อนแอที่เป็นโรคร้ายรักษาไม่หายและกลายเป็นเจ้าชายนิทรามาเป็นแรมปีแล้ว ในขณะที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนกำลังถอดใจ โนบิตะก็ตัดสินใจที่จะตื่นขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล เขาเห็นคนรู้จักของเขาเกือบทุกคน ทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนๆ ต่างมายืนล้อมรอบเตียงของเขา แต่เขามองไม่เห็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา นั่นคือ โดเรมอน...
เขาจึงถามหา... แต่คำตอบที่ได้ก็คือ โดเรมอนนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องราวในความฝันของเขา ขณะที่เขาหลับเป็นเจ้าชายนิทราเท่านั้น ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง เขารู้สึกเสียใจมาก... วันรุ่งขึ้นขณะที่โนบิตะนั่งมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เขาก็ได้เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ผลัดใบร่วงไปเกือบจะหมดต้นแล้ว อากาศในตอนนั้นหนาวเย็น โนบิตะนั่งถอนใจนึกถึงเรื่องราวของโดเรมอน... ทันทีที่ใบไม้ใบสุดท้ายหลุดร่วงลงจากต้น โนบิตะก็หมดลมหายใจจากไป...
ผู้เขียนได้เขียนตอนจบนี้ขณะที่เขาป่วย ก่อนที่จะเสียชีวิตในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้ลงตีพิมพ์ เพราะสมาพันธ์การ์ตูนแห่งประเทศญี่ปุ่นให้เหตุผลว่า มันเศร้าเกินไป เด็กๆ มีความผูกพันกับโดเรมอนมากทางด้านจิตใจ หากผลสรุปว่า โดเรมอนเป็นเพียงความฝันของเด็กไม่สบายคนหนึ่งเท่านั้น และสุดท้ายก็เสียชีวิต จะเป็นการทำร้ายจิตใจเด็กๆ มากเกินไป...

โดเรมอน